ระบบภูมิคุ้มกันคืออะไร?
……ระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์มีอยู่ทั่วร่างกาย
เปรียบเหมือนกองทัพทหารที่ป้องกันประเทศ
ประกอบด้วย ต่อมน้ำเหลือง
(เป็นที่อยู่ของเซลล์เม็ดเลือดขาว)
คือ หน่วยทหาร และท่อน้ำเหลือง ที่ภายในจะเป็น น้ำเหลือง
และเซลล์เม็ดเลือดขาว
เชื่อมต่อระหว่างต่อมน้ำเหลืองด้วยกันเอง
และเชื่อมต่อเข้ากับเส้นเลือด
คือ เส้นทางเดินทัพของทหาร ม้าม ไขกระดูก
ต่อมทอนซิลPayer’s
patch ที่อยู่ตามเยื่อบุทางเดินอาหาร เป็นที่ตั้งฐานทัพของทหาร สิ่งแปลกปลอมต่างๆรวมทั้งจุลชีพก่อโรคจะผ่านเข้าสู่ต่อมน้ำเหลืองจากตำแหน่งที่เข้าสู่ร่างกาย
เข้าสู่ต่อมน้ำเหลืองเฉพาะที่
และผ่านทางเส้นเลือดและท่อน้ำเหลืองกระจายไปทั่วร่างกาย
เซลล์ของระบบภูมิคุ้มกัน
……เซลล์ที่ทำหน้าที่ในระบบภูมิคุ้มกัน สร้างมาจาก
stem cells ที่อยู่ในไขกระดูก แบ่งเป็น
1) เซลล์ที่ทำหน้าที่กินสิ่งแปลกปลอม เช่น
macrophage, monocyte, neutrophil
2) เซลล์ที่มี granule จำนวนมาก ได้แก่ eosinophil,
basophil และ
3) เซลล์เม็ดเลือดขาวขนาดเล็กที่เรียกว่า
เซลล์ลิมโฟไซท์ (lymphocyte) ซึ่งแบ่ง
เป็น 2 ชนิด คือ B
cells และ T cells
B cells
ทำหน้าที่ผลิตภูมิคุ้มกันชนิดสารน้ำที่เรียกว่า แอนติบอดี โดยที่ B cell
จะถูกกระตุ้นด้วยแอนติเจน แล้วจึงเปลี่ยนเป็น plasma cells
เพื่อสร้างแอนติบอดีจำเพาะต่อแอนติเจนนั้น
T cells ทำหน้าที่ด้านการตอบสนองทางด้านเซลล์
เพื่อกำจัดสิ่งแปลกปลอมหรือจุลชีพแบ่งเป็น
1) เซลล์ CD4 หรือ helper T (Th) cells
เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีแอนติเจนชนิด CD4 บนผนังเซลล์
ทำหน้าที่ส่งเสริมเรียกเซลล์เม็ดเลือดขาวอื่น เช่น B cell
ในการสร้างแอนติบอดีจำเพาะ และ T cells เพื่อการเปลี่ยนเป็น cytotoxic T cells
(CTL) ดังนั้น CD4+ T cells จึงมีความสำคัญมาก
เพราะมีส่วนร่วมในการทำให้มีภูมิคุ้มกันทั้งแบบเซลล์และสารน้ำ
2) เซลล์ CD8 หรือ killer cells หรือ suppressor
cells เป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวที่มีแอนติเจนชนิด CD8 บนผนังเซลล์
ทำหน้าที่ทำลายเซลล์ที่ผิดปกติหรือที่ติดเชื้อจุลชีพ
เซลล์เม็ดเลือดขาวพวกนี้จะรู้ได้ว่าเซลล์ชนิดใดเป็นสิ่งแปลกปลอม
จากที่เซลล์ชนิดนั้นไม่มีโมเลกุลที่ผิวเซลล์ HLA class I
ชนิดเดียวกับเซลล์เม็ดเลือดขาวนั้น ส่วนสิ่งแปลกปลอมที่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
เรียกว่า แอนติเจน (antigen) และตำแหน่งบนแอนติเจนที่จำเพาะในการกระตุ้นเรียกว่า
epitope แบ่งเป็น B-cell epitope กระตุ้น B-cell เพื่อสร้างแอนติบอดีจำเพาะ และ
T-cell epitope กระตุ้น T-cell
แอนติบอดี
……แอนติบอดี หรือ อิมมูโนโกลบูลิน (immunoglobulin)
เป็นโปรตีนที่มีรูปร่างคล้ายตัว Y เปรียบเหมือนรถยนต์ ที่จะเปลี่ยนสีและรูปร่าง
ตามลักษณะของเชื้อโรคที่จำเพาะนั้นๆ โดยที่ส่วนยอดของตัว Y
จะมีความหลากหลายมากไม่เหมือนกันในแอนติบอดีจำเพาะต่อแอนติเจนแต่ละชนิด เรียกว่า
variable region เป็นตำแหน่งที่จับกับแอนติเจน ส่วนที่โคนตัว Y
ของโมเลกุลแอนติบอดีจะบ่งบอกถึงชนิดของแอนติบอดีว่าเป็น class ไหน เช่น IgG,
IgA,IgM, IgD, IgE เรียกว่า constant region แอนติบอดีกระจายอยู่ตามท่อน้ำเหลือง
และเส้นเลือด แอนติบอดีจะจับกับสิ่งแปลกปลอม หรือจุลชีพที่เข้ามาในร่างกาย
เพื่อการทำลายจุลชีพนั้นๆ แอนติบอดีชนิด secretory IgA จะอยู่ตามช่องเยื่อบุต่างๆ
ในน้ำตา น้ำลาย สารหลั่งในช่องทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ ท่อปัสสาวะ ช่องคลอด
เป็นต้น เพื่อยับยั้งไม่ให้จุลชีพ
หรือสิ่งแปลกปลอมผ่านเข้าร่างกายทางเยื่อบุ
Cytokines
……เป็นโปรตีนที่สร้างจากเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน
เพื่อสื่อสารกันระหว่างเซลล์ cytokines ที่สร้างจาก T- และ B- cells ที่เรียกว่า
lymphokines ได้แก่ interleukin (IL)และ interferon ส่วนที่สร้างจาก monocytes และ
macrophage เรียกว่า monokines โดย cytokines
ที่หลั่งออกมาอาจทำหน้าที่เรียกเซลล์เม็ดเลือดขาวให้มารวมกันที่ตำแหน่งที่มีสิ่งแปลกปลอม
กระตุ้นการเพิ่มจำนวนเซลล์ ทำให้เซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันมีการเปลี่ยนแปลง และ
ทำลายเซลล์
การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันต่อจุลชีพ
……จุลชีพที่จะผ่านเข้าสู่ร่างกาย
อาจผ่านเข้าทางผิวหนัง หรือเยื่อบุต่างๆ
ซึ่งเป็นที่ๆมีการป้องกันด้วยคุณสมบัติทางกายภาพของผิวหนังและเยื่อบุเอง
โดยเป็นด่านแรกของระบบการป้องกันการเข้าสู่ร่างกายจากจุลชีพ ซึ่งจะเป็นแบบ
innateimmunity ซึ่งเป็นภูมิคุ้มกันแบบไม่จำเพาะ ประกอบด้วยเซลล์ชนิด phagocytes
เช่น เซลล์ macrophage dendritic และ granulocytes เป็นต้น
ทำหน้าที่กินและทำลายสิ่งแปลกปลอม แอนติบอดีชนิด IgA
และสารหลั่งที่เคลือบตามเยื่อบุ มี lysozyme, lactoferin, หรือภาวะเป็นกรด
หรือการเคลื่อนไหวที่บริเวณของผิวเยื่อบุ เช่น การทำงานของ cilia ที่เยื่อบุ การไอ
การปัสสาวะจะพัดพาจุลชีพออกมา
โดยปกติตามเยื่อบุและผิวหนังก็มีจุลชีพอยู่แต่ไม่ผ่านเข้าสู่ร่างกายเพราะ
innateimmunity นี้
จุลชีพที่สามารถผ่านเข้าร่างกายทางชั้นผิวหนังหรือเยื่อบุต้องมีคุณสมบัติ
พิเศษที่จะผ่านการทำลายด้วย non-specific defenses
หรือเป็นภาวะที่ผิวหนังและเยื่อบุขาดคุณสมบัติที่จะป้องกัน เช่น
เป็นแผล
…..การเกิดภาวะอักเสบ (inflammationresponse)
เป็นการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันชนิดไม่จำเพาะที่สำคัญ
เกิดจากกลุ่มเซลล์ที่ถูกทำลายโดยจุลชีพ เซลล์ phagocytes ที่จับกินจุลชีพ
หรือสิ่งแปลกปลอม และเซลล์ mast ที่ถูกกระตุ้นจากระบบ complement
โดยที่เซลล์ต่างๆเหล่านี้จะหลั่งสารเคมีต่างๆ ที่ทำให้เกิดการอักเสบ ได้แก่ เซลล์
mast หลั่ง histamine ทำให้เส้นเลือดขยายตัว (vasodilate)
และผนังเส้นเลือดเปิดให้เซลล์เม็ดเลือดขาวที่ถูกกระตุ้นออกมาจากเส้นเลือด
เข้าสู่ตำแหน่งที่มีจุลชีพมากขึ้น prostaglandins ทำให้เส้นเลือดขยายตัว
เกิดไข้และเจ็บปวด และ leukotrienes มีคุณสมบัติเป็น chemotaxis
ดึงดูดเซลล์เม็ดเลือดขาวให้มายังบริเวณที่มีสารนี้อยู่ ทั้ง prostaglandins และ
leukotrienes สร้างจากเซลล์เม็ดเลือดขาวและเซลล์ทั่วไปที่ถูกกระตุ้นโดยจุลชีพ
นอกจากนี้เซลล์เม็ดเลือดขาวโดยเฉพาะ lymphocytes และ macrophage
ที่มายังบริเวณที่ติดเชื้อจะหลั่ง cytokines ที่สำคัญในการตอบสนองแบบไม่จำเพาะ
ได้แก่ interleukin 1 (IL-1) และ tumor necrosis factor (TNF)
ที่ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ไข้ และที่สำคัญ คือ
กระตุ้นให้มีเซลล์เม็ดเลือดขาวมามากขึ้น
เพื่อการเกิดการตอบสนองระบบภูมิคุ้มกันแบบจำเพาะต่อไป
หรือถ้าจุลชีพสามารถถูกทำลายหมดจะกระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมเนื้อเยื่การหลบหลีกจากระบบภูมิคุ้มกันของเชื้อเอชไอวี
…..ไวรัสมีวิธีหลบหลีกภูมิคุ้มกันของร่างกายต่างๆกัน
จากทั้งปัจจัยของไวรัสและเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน ในส่วนปัจจัยของระบบภูมิคุ้มกัน
ได้แก่ การลดปริมาณโมเลกุล MHC1 ที่ผิวเซลล์ที่ติดเชื้อ
การเพิ่มจำนวนภายในเซลล์ระบบภูมิคุ้มกัน เช่น เชื้อเอชไอวี
การเพิ่มจำนวนในที่ซึ่งเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันเข้าไปไม่ถึง เช่น herpes simplex virus
แอบแฝงที่ปมประสาท เป็นต้น ส่วนทางด้านปัจจัยไวรัส ได้แก่
การเปลี่ยนแปลงลักษณะของแอนติเจน ทำให้ epitopes เปลี่ยนไป
จึงไม่ถูกกำจัดโดยระบบภูมิคุ้มกันเดิม
การแพร่กระจายจากเซลล์ถึงเซลล์โดยไม่ออกมาข้างนอก เช่น respiratory
syncytialvirus
…..ปัญหาความล้มเหลวของระบบภูมิคุ้มกันในการทำลายเชื้อ
เอชไอวี ทำให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีมีการดำเนินโรคแบบค่อยเป็นค่อยไปจนเกิดภาวะภูมิคุ้ม
กันบกพร่อง หรือ โรคเอดส์ในระยะสุดท้ายนั้น
อาจกล่าวได้ว่าตั้งแต่เมื่อแรกเริ่มได้รับเชื้อเอชไอวี ไวรัสไปเพิ่มจำนวนใน CD4+
Tcells โดยเฉพาะเริ่มตั้งแต่ในต่อมน้ำเหลือง
ซึ่งเป็นที่อยู่ของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันทั้ง B- และ T- cells
ซึ่งก็จะทำหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันจำเพาะต่อเชื้อเอชไอวี เริ่มจาก T helper-cell
ที่สร้าง cytokines ต่างๆ และกระตุ้น CD8+ T cell ให้เปลี่ยนเป็นเซลล์ CD8+ CTL และ
B-cell ให้เปลี่ยนเป็น plasma cell เพื่อสร้างแอนติบอดีจำเพาะ โดยที่เซลล์ CTL
ทำหน้าที่หลักในการกำจัดเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัส ส่วนแอนติบอดีเป็น
neutralizingantibody
ที่ช่วยจับอนุภาคไวรัสอิสระที่หลุดออกมาจากเซลล์ไม่ให้เข้าไปในเซลล์ใหม่..โดยทั่วไปในการติดเชื้อไวรัสอื่นๆ
ทั้งแอนติบอดีและเซลล์ CTL จะมีความสำคัญในการป้องกันการติดเชื้อครั้งต่อไป
แต่ในการติดเชื้อเอชไอวี ถึงแม้จะมีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้นทั้งแบบเซลล์และสารน้ำแล้ว
ไวรัสก็ยังคงไม่ถูกกำจัดออกไปจากร่างกาย และยังเพิ่มปริมาณมากขึ้นเป็นลำดับ
โดยไวรัสจะเพิ่มจำนวนวันละประมาณ 10(11) อนุภาคต่อวัน ทำให้ระดับไวรัสเพิ่มขึ้น 0.1
log/ml และระดับเซลล์ CD4 ลดลงประมาณ 50-100 เซลล์/ม.ม. ต่อปี
จึงมีผลทำให้เซลล์ที่ติดเชื้อ ซึ่งก็คือ เซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน ทั้ง T-cells และ
macrophage ลดปริมาณลงเป็นลำดับ
จนไม่สามารถทำงานเป็นปกติในการป้องกันการติดเชื้อจุลชีพอื่นๆ
จึงเกิดภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง นอกจากนี้ยังพบว่ามีการลดลงของเซลล์ CD4 ชนิด
quiescent naive (CD45RA+CD62L+) แต่มีการเพิ่มของเซลล์ CD4 ชนิด
activated/memoryeffector (CD45RO+) และมีการลดลงของ T-cell receptor
และการทำงานก็เสียด้วย
…..การทำลายเซลล์ CD4+ ที่ติดเชื้อมีสาเหตุจากการเกิด
apoptosis ซึ่งเป็นผลของโปรตีนไวรัสสองชนิด คือ โปรตีน Env และ Vpr
การสูญเสียหน้าที่ของเซลล์เมมเบรนจากการเกิด syncytialformation
และจากการสะสมของโพรไวรัลดีเอ็นเอที่อยู่ในไซโตพลาสม
รวมถึงการทำลายจากระบบภูมิคุ้มกัน ส่วนการทำลายของเซลล์ CD4+ ที่ไม่ติดเชื้อเอชไอวี
มีสาเหตุจาก โปรตีน Env (gp120) ที่ลอยอยู่ในกระแสเลือดไปจับกับ โมเลกุล CD4+
ของเซลล์ที่ไม่ติดเชื้อ ทำให้ถูกทำลายโดย apoptosis จากเซลล์ CTL หรือการเกิด
syncytia กับเซลล์ที่ติดเชื้อ
…..เชื้อเอชไอวีมีการกลายพันธุ์สูง
เนื่องจากการทำงานของเอนไซม์ reverse transcriptase
ของไวรัสที่เปลี่ยนยีนส์ของไวรัสจากอาร์เอ็นเอ เป็น ดีเอ็นเอ ไม่มีการตรวจสอบ
nucleotide base ที่ใส่เข้าไป ทำให้มีการผิดพลาดไป 1 เบส ต่อการ replication 1
ครั้ง ผลก็คือแอนติเจนของไวรัสที่นำเสนอต่อเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันเปลี่ยนไปตลอดเวลา
จนเซลล์ CTL ไม่สามารถทำลายเซลล์ติดเชื้อได้ทัน และที่สำคัญ คือ แอนติเจนตรงที่เป็น
T-cell epitopes อาจเปลี่ยนไปจนไม่สามารถถูกนำเสนอร่วมกับโมเลกุล HLA
หรือถูกเสนอร่วมกับ HLA แต่มีรูปร่างที่ผิดไป ทำให้ killer cells หรือเซลล์ CTL
จดจำไม่ได้และไม่ทำลายเซลล์ที่ติดเชื้อนั้น
หรือแอนติเจนที่เปลี่ยนไปจนไม่เหมาะที่จะจับกับโมเลกุล receptor บนผิว T-cells
ด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้เซลล์ CTL ไม่สามารถควบคุมกำจัดเชื้อเอชไอวีได้
ซึ่งเหมือนกับไวรัสที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อแบบ persisting ชนิดอื่น แต่กลไกต่างกัน
เช่น Epstein Barr virus ใช้กลยุทธ์ไม่สร้างโปรตีนของไวรัสในเซลล์ที่ติดเชื้อ
แอบแฝงอยู่ อย่างไรก็ตามการทำงานของเซลล์ CTL จะต้องถูกส่งเสริมด้วย Th-cells
ซึ่งก็ถูกทำลายเป็นลำดับในระหว่างการติดเชื้อเอชไอวี จึงทำให้ การทำงานของเซลล์ CTL
ก็ลดลงเป็นลำดับภายหลังการดำเนินการของโรคผ่านไป ในผู้ติดเชื้อบางราย โมเลกุล HLA
อาจสามารถนำเสนอแอนติเจนในส่วนที่ไม่กลายพันธุ์ได้ (conserved region)
ทำให้เชื้อเอชไอวีถูกควบคุมด้วย CTL ได้ดี จึงมีการดำเนินโรคแบบ non-progressor
หรือ ไวรัสเองอาจเป็นชนิดที่กลายพันธุ์ไปไม่ได้มาก ก็จะทำให้ถูกกำจัดได้ง่าย
ในภาวะที่ไม่มี killer cells
ผู้ติดเชื้อเอชไอวีก็จะมีการดำเนินโรคเข้าสู่ระยะสุดท้ายเป็นเอดส์อย่างรวด
เร็ว
…..ภูมิคุ้มกันที่สำคัญในการควบคุมกำจัดการติดเชื้อไวรัส
คือ killer T cells ร่วมกับแอนติบอดีจำเพาะ การทำงานที่ล้มเหลวของ killer T cell
ทำให้เกิดภาวะการติดเชื้อเอชไอวีแบบ persistent
ดังนั้นการผลิตวัคซีนเอดส์ต้องมุ่งเน้นเรื่องการกระตุ้นภูมิคุ้มกันทั้งแบบ
เซลล์และสารน้ำ (CMI และ HI)
แอนติบอดีจำเพาะต่อเชื้อเอชไอวีอาจทำให้เชื้อเอชไอวีเข้าสู่เซลล์แมโครฟาจ
ได้ง่ายด้วยวิธี opsonization ส่วนเซลล์ CTL ทำลายเซลล์ที่ติดเชื้อเอชไอวี
ดังนั้นหลังจากที่ได้รับเชื้อภูมิคุ้มกันจะควบคุมปริมาณของเชื้อเอชไอวีได้ ชั่วคราว
เซลล์ที่ติดเชื้อจะถูกทำลายด้วยเซลล์ CTL
และแอนติบอดีป้องกันเซลล์ใหม่ไม่ให้ติดเชื้อ
แต่ก็มีเซลล์ใหม่ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ
เอกสารประกอบการเรียบเรียง
1. Paul WE. FundamentalImmunology.
Lippincott-Raven, 1999:1-19.
2. Abbas AK, Litchtman AH, Pober JS.Cellular and
molecular immunology. W.B. Saunder Co., 1997:1-20.
3. McCune JM.The dynamic of CD4+ T cell depletion
in HIV disease. Nature 2001;410:974-9
Natural killer หรือ NK cells
คืออะไร?
……NK cells เป็นเซลล์ชนิดหนึ่งของเม็ดเลือดขาว
Lymphocyte โดย NK Cells มีลักษณะเฉพาะตน สามารถปฏิบัติหน้าที่
โดยไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ หรือทำความรู้จักสิ่งแปลกปลอมก่อน ไม่เหมือน
T-Lymphocytes และ B-Lymphocytes ที่ต้องเรียนรู้และทำความรู้จักก่อน
ถึงจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ โดยลักษณะเฉพาะดังกล่าวทำให้ NK cells มีความสามารถ
ระบุเซลแปลกปลอมได้ด้วยตัวเอง สถานะสิ่งแปลกปลอมเกิดขึ้นเช่น
การผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะโดยมากมักถูก NK cells ปฏิเสธด้วยการระบุเป็นสิ่งแปลกปลอม
ดังนั้นการเปลี่ยนอวัยวะจำเป็นต้องทดสอบ ความเข้ากันได้ รวมถึงเมื่อเซลใดเซลหนึ่ง
เปลี่ยนรูปเป็นเซลเนื้อร้าย หรือเซลมีการติดเชื้อ
เซลล์ดังกล่าวจะสูญเสียความเป็นร่างกาย
และแสดงสถานะเป็นเซลล์แปลกปลอม
หน้าที่ของ NK Cell
……เซลล์เพชฌฆาต (Natural
KillerCell)มีหน้าที่จู่โจมและฆ่าเซลล์ก้อนเนื้องอกและป้องกันร่างกายของเราต่อ
เชื้อโรคต่างๆเขาได้รับฉายาว่าผู้พิฆาตโดยวิถีทางธรรมชาติ(Natural
KillerCell)เพราะว่าเขาไม่ต้องมีเครื่องช่วยอื่นใด ในการสำรวจสิ่งแปลกปลอม
เมื่อพบเขาจะเข้าจู่โจมและฆ่าทิ้ง เซลล์เพชฌฆาต(Natural
KillerCell)จู่โจมเซลล์มะเร็ง เซลล์เพชฌฆาต(Natural
KillerCell)จะตายหลังจากที่เข้าโจมตีเซลล์มะเร็งดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
ในการเสริมเพิ่มจำนวนเซลล์เพชฌฆาต(Natural Killer Cell)ในร่างกายมนุษย์
เซลล์เพชฌฆาต(Natural Killer Cell)เป็นด่านแรกของรั้วป้องกันของร่างกายของเรา
เมื่อร่างกายของเราถูกจู่โจมภูมิต้านทานของร่างกาย จะใช้เวลาประมาณ 7 -8 วัน
เพื่อเตรียมตัวต่อสู้
……นักวิจัยทั่วโลกเริ่มค้นพบ อานุภาพของ NKCells
ในการกำจัดเซลล์ติดเชื้อ และเซลล์เนื้อร้าย เคยมีการใช้สารธรรมชาติ
ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ของภูมิคุ้มกันร่างกาย รวมถึงมีงานวิจัยมากมาย
แสดงให้เห็นว่า NK Cells สามารถควบคุมและจำกัดการเติบโต ของเซลมะเร็งหลากหลายชนิด
รวมถึงเซลล์ที่มีการติดเชื้อทั่วไป
เซลเพชฌฆาต (Natural Killer
Cells)
……จากการวิจัยล่าสุดได้เปิดเผยลักษณะเฉพาะ
ของเซลเพชฌฆาต (Natural Killer cells หรือ NK Cells) NK Cells มีความสำคัญยิ่งยวด
ในการทำงานของทัพหน้า ในระบบภูมิคุ้มกัน ในปัจจุบันนักวิจัย และนักวิทยาศาสตร์
ยอมรับว่า NK cells
เกิดขึ้นพร้อมความสามารถในการทำงานได้อย่างเหมาะสม
……นิตยสารฉบับเดือนกุมภาพันธ์ของ TheJournal of
Immunology มีรายงานการวิจัยถึงสองฉบับ นำโดย ดร. Christian Munz, Ph.D. และ ดร.
Guido Ferlazzo, Ph.D. จากมหาวิทยาลัย Rockefeller University โดยรายงานดังกล่าว
มีการค้นพบว่า NK Cells จำเป็นต้องถูกกระตุ้น และเคลื่อนตัวโดยเซลอื่นๆ เพื่อค้นหา
และทำการทำลายเชื้อโรค และยังตั้งสมมุติฐานว่า การทำงานของ NK Cells สามารถ
“ปรับปรุง (tailored)” หรือ “ปรับเป้าหมาย (targeted)”
เพื่อให้ภูมิคุ้มกันทำงานอย่างสมบูรณ์
……เมื่อไม่นานมานี้
รายงานการศึกษาค้นคว้าเบื้องต้นเกี่ยวกับการใช้ Transfer Factor
ได้แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
โดยการทำวิจัยค้นคว้าของสถาบันลองเจฟวิตี้ เมดิซิน (Longevity Medicine)
ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศ สหรัฐอเมริกา
ซึ่งเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียงทางด้านการค้นคว้าวิจัย
และมีความเชี่ยวชาญในด้านการประเมินความสามารถของ
ส่วนประกอบต่างๆที่ใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ระบบภูมิคุ้มกัน
……Transfer Factor ของบริษัท 4Life
ได้ถูกนำมาทดสอบทางด้านความสามารถในการเพิ่มการทำงานและกิจกรรม ของเซลล์เพชฌฆาต
(Natural Killer Cell)
นักวิจัยได้ใช้เซลล์เส้นเลือดฝอยที่ถูกคัดแยกมาจากกลุ่มอาสาสมัคร การทดสอบได้
บ่งชี้ว่า Transfer Factor สามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้การทำงานของเซลล์เพชฌฆาตได้
ซึ่งมากกว่าการตอบสนองของภูมิคุ้มกันโดยทั่วไปที่ปราศจากการได้รับ Transfer Factor
เข้าสู่ร่างกาย เซลล์เพชฌฆาตนั้นมีบทบาทสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
เซลล์เหล่านี้จะแสวงหาและทำลายเซลล์ชนิดอื่นๆที่เป็น อันตรายต่อร่างกาย
เซลล์เพชฌฆาตมีความสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสร้างความแข็งแรงและช่วย
เพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
สงครามภูมิคุ้มกัน
……….มันขึ้นอยู่กับพวกเราแต่ละคนที่จะปฏิบัติตามขั้นตอนที่จำเป็นต่างๆ
เพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของเราให้แกร่ง
ความอ่อนแอของภูมิคุ้มกันได้กลายเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเป็นหลัก
การใช้สารประกอบอย่างทรานเฟอร์แฟกเตอร์
สามารถสร้างความแข็งแรงให้กับภูมิคุ้มกันอย่างมีนัยสำคัญ
ในทำนองเดียวกันก็เป็นตัวเสริมคุณภาพของสุขภาพและความสมบูรณ์สูงสุดของชีวิตเราเช่นเดียวกัน
ทรานเฟอร์ แฟกเตอร์สามารถช่วยในการต่อสู้กับสภาวะดังต่อไปนี้
:
การติดเชื้อไวรัส
การติดเชื้อรา
การติดเชื้อปรสิต
โรคภูมิแพ้ภูมิตัวเอง
มะเร็ง
โรคติดเชื้อแบคทีเรีย
โรคที่เกิดจากแบคทีเรีย
โรคที่เกี่ยวกับระบบประสาทชนิด
mycobacterial
§
การเสียสมดุลของภูมิคุ้มกัน….การเสียสมดุลของภูมิคุ้มกัน :
อุปสรรคที่มีต่อสุขภาพในศตวรรษที่ 21 ทุก ๆ วัน จะมีการตีพิมพ์กรณีศึกษาใหม่ ๆ
ที่ชี้เป็นประเด็นให้เห็นการทำงานที่บกพร่องของระบบภูมิคุ้มกันซึ่งเป็นเสมือนสาเหตุที่แท้จริงของสภาวะต่าง
ๆ อย่างเช่นโรคหัวใจ โรคอ้วน และโรคเอ็มเอส (Multiple Sclerosis)
ระบบภูมิคุ้มกันของเรากลับปล่อยให้สุขภาพของเราย่ำแย่
ยิ่งเราเรียนรู้มากขึ้นเพียงใด
เราก็รับรู้ว่าการปรับระดับภูมิคุ้มกันของเราให้สูงขึ้นเป็นการลงทุนที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้เพื่อยืดระยะเวลาการมีสุขภาพดีและการมีอายุที่ยืนยาวออกไป
….บรรดานักวิทยาศาสตร์กำลังพบว่า โรคต่าง ๆ
ผู้บุกรุกที่เป็นโรคติดเชื้อนั้น
มีสาเหตุอย่างแท้จริงมาจากเชื้อจุลินทรีย์ที่อาจบกพร่องต่อการจุดชนวนให้เกิดการตอบสนองของภูมิคุ้มกันอย่างเหมาะสม
หรือไม่ก็กระตุ้นให้เกิดการตอบสนองนั้นมากเกินไป หนึ่งในภาวะเหล่านี้ก็คือโ
รคที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอลงที่เรียกกันว่าเอ็มเอส (multiplesclerosis)
การทำงานที่ผิดปกติของภูมิคุ้มกันอาจเป็นสาเหตุที่แท้จริงของการทำงานผิดปกติอันหลายหลายของร่างกายที่มักจะมีส่วนสัมพันธ์กับปัจจัยอื่นๆ
ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ บริษัท 4LIFE
RESEARCHดร.วิเลี่ยม เฮนเนน. PH.D. กล่าวว่าถ้าปราศจากภูมิคุ้มกันร่างกายท่านจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่รอด
สิ่งที่ท่านรับประทานเข้าไปและทำให้ภูมิคุ้มกันของท่านแข็งแรง
สิ่งนั้นก็จะช่วยท่านป้องกันโรคและต่อสู้กับโรคภัย
เมื่อระดับภูมิคุ้มกันของร่างกายท่านแข็งแรงท่านก็สามารถปรับตัวให้เข้ากับโลกซึ่งเต็มไปด้วยพยาธิเชื้อโรคและตัวจุลินทรีย์ซึ่งกำลังคุกคามสุขภาพของท่านอยู่โรคเรื้อรังกำลังทวีเพิ่มขึ้นเด็กชายอายุ 15 ปีมีเส้นเลือดแดงอุดตัน
ผู้ใหญ่มีโอกาสเกิดโรคหัวใจวาย
1ใน 4 นักวิจัย
พยายามหาความสัมพันธ์ระหว่างมลภาวะในอากาศกับโรคหัวใจขณะนี้ประเทศสิงคโปร์มีผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานที่สูงเป็นอันดับ
4 ประชาชน ร้อยละ 25 มีโอกาสมีพิษจากความเงียบ ผู้ป่วยโรคหืดหอบ เพิ่มเป็น 2 เท่า
โรคมะเร็งของต่อมลูกหมากและกระเพาะปัสสาวะกำลังเพิ่มขึ้น
สถาบันมะเร็งที่สิงคโปร์กล่าวว่าชาวสิงคโปร์ 1 ใน 3
มีโอกาสเป็นมะเร็งสถาบันมะเร็งประเทศมาเลเซียกล่าวว่าชาวมาเลเซีย 1 ใน 4
มีโอกาสเป็นมะเร็ง
ระบบภูมิคุ้มกันของเราถูกคุกคามทุกวัน
ท่านสามารถจะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงหรือสิ่งคุกคามต่อไปนี้ได้หรือไม่?
ยาฆ่าแมลงที่ตกค้าง (ผักและผลไม้) อาหารสำเร็จรูป
อาหารจานด่วน ไมโครเวฟ สารถนอมอาหาร สารใส่สีอาหาร
ฮอร์โมนยาปฏิชีวนะที่ใช้ในฟาร์มสัตว์ สารเคมีที่มีพิษที่ใช้พ่น AEROSOL SPARY
น้ำมันแต่งผม หรือผิวหนัง COSMETIC , HAIR DRESSING มลภาวะในอากาศ
ไอเสียจากยานพาหนะ สูบบุหรี่ฝุ่นเชื้อโรค มลพิษทางน้ำ คลอรีนยา ยาคุม ยาแก้ปวด
แอลกอฮอล์ ตัวเชื้อโรค ไวรัส แบคทีเรีย พยาธิเชื้อรารังสีเอกซเรย์ เคมีบำบัด
ซึมเศร้า ความเครียด
การเจ็บป่วยที่เกิดจากภูมิคุ้มกันต่ำและความไม่สมดุลของระบบภูมิคุ้มกันได้แก่
……มะเร็ง (CANCER) ไฟบรอยด์ (FIBROID) เบาหวาน
(DIABETES MELLITUS) ตับอักเสบ (HEPATITIS) โรคหัวใจและโรคหลอดเลือด
(CARDIOVASCULAR DISEARSE) โรคไมเกรน ( MIGRAINE) โรคหืดหอบ (ASTHMA) โรคสโต๊รค
(STROKE) เก๊าท์ (GOUT) โรคไวรัส (VIRUS INFECTION) โรคระบบประสาท (NERVOUS SYSTEM)
โรคภูมิแพ้ (ALLEAGIC RHINITIS) โรคโพรงกระดูก ไซนัสอักเสบ (SINUSITIS) ไข้หวัดใหญ่
(FLU) ไข้ (FEVER) โรคออติสม (AUTISM) ลมบ้าหมู (EPILEPSY) โรคตา (EYE DISEASE)
โรคฟันและเหงือก(TEETH AND GUM)โรคผิวหนัง (SKIN DISEASE)ลูปัสS.L.E.
(โรคภูมิเพี้ยน) โรคไต (KIDNEYDISEASE)โรคแอลไซเมอร์(ALZEIHMER’S)โรคข้ออักเสบ
(ARTHRITIS) โรคกระเพาะอาหารอักเสบ (GASTIRTIS)โรคอ่อนเพลียเรื้อรัง(CHRONIC
FATIGUE)โรคมัลติเปิล สเคลอโรซิส ( MULTIPLE SCLEROSIS)
ด้วยประสิทธิภาพอันสูงส่งของทรานสเฟอร์แฟกเตอร์
(Transfer Factor) ทำให้บริษัท 4 LIFE RESEARCHได้รับการพิจารณาสูงเป็นอันดับ15 ของ
INCE 500 (2003)ในปี2546ในฐานะที่เป็นบริษัทเอกชน
ที่เติบโตเร็วที่สุดในสหรัฐอมริกาซึ่งมีความเจริญเติบโตถึงร้อยละ 6,108
และเป็นบริษัทที่ทำการขายตรง ที่อัตราการเจริญเติบโตสูงที่สุด ……ทราน สเฟอร์
แฟกเตอร์(Transfer Factor) ของบริษัท4LIFE RESEARCH
เป็นอาหารเสริมที่สนับสนุนกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายที่ค้นพบโดยวิทยา
ศาสตร์ให้สูงขึ้นอย่างมหัศจรรย์ที่สุดและมีศักยภาพที่สูงที่สุด (The Most
AmazingAnd Most Powerful Immunesupport Product )ไม่ใช่วิตามิน
ไม่ใช่เกลือแร่ไม่ใช่ฮอร์โมน ไม่ใช่สมุนไพร ไม่ใช่ยา ทรานสเฟอร์
แฟกเตอร์(TransferFactor) เป็นโมเลกุลที่ปฏิหาริย์
เป็นของขวัญที่ธรรมชาติมอบให้มนุษย์ได้พิสูจน์แล้วโดยทางวิทยาศาสตร์
(MiracleMolecule A Gift Of Nature Proven By Science)
……ดร.ดาริลซี (Dr.Darryl See)
ซึ่งเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ทางคลินิกขององค์การอนามัยโลกภาคพื้นยุโรปและผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาคุณภาพชีวิตโอเรนเคาดี้
ฝ่ายวิจัยสมาคมส่งเสริมโภชนาการสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า
ไม่มีผลิตภัณฑ์ธรรมชาติอื่นใดเลยหรือแม้แต่ยาที่จะมีศักยภาพและความสามารถ
ที่จะมีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายดีเท่ากับ ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์
(TransferFactor) 4Llife Transfer Factor
เป็นผลิตภัณฑ์เสริมโภชนาการชนิดแรกที่ได้รับวิวัฒนาการขึ้นมาเพื่อใช้ประโยชน์ในโรงพยาบาลรัสเซียในการบำรุงดูแลสุขภาพ
กระทรวงสาธารณสุขรัสเซียได้อนุมัติ รพ.
และคลินิกผลิตภัณฑ์อะไรที่ดีที่สุดในบรรดาผลิตภัณฑ์ 198 ตัวอย่าง ทำการศึกษาโดย
อินเดเพ็นเดนท์แล็บ ผลแล็บจากการวิจัยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 – 2542 โดยบริษัท เจอเนส
อิงค์ สถาบันพัฒนาคุณภาพชีวิต แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
ตีพิมพ์ผลวิจัยในหนังสือพิมพ์จานา (JANA-JOURNAL OF AMERICAN
NEUTRACEUTICALASSOCIATION) พบว่าทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์เตอร์ (Transfer Factor)
เพิ่มถึงร้อยละ 900
จึงมีประสิทธิภาพสูงกว่าสมุนไพรและอาหารเสริมทุกชนิดในการเสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย
การวิจัยใช้เวลา 7 ปี
โดยห้องแลบของเจอเนสอิงค์สถาบันพัฒนาคุณภาพชีวิตแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
แสดงถึงการค้นพบอันวิเศษสุดของทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ แอดวานส์ พลัส ในบรรดาผลิตภัณฑ์
198 ตัวอย่างที่ทำการศึกษามีเพียง 12
ตัวอย่างที่มีความสามารถเพิ่มความแข็งแรงของเซลล์เพชฌฆาต (Natural Killer Cell)
มากกว่าร้อยละ15แต่ในภาพรวมก็เพิ่มเพียงร้อยละ 15 ถึงร้อยละ 49 ยกเว้นทราน สเฟอร์
แฟกเตอร์แอดวานส์และ
ทรานสเฟอร์แฟกเตอร์แอดวานส์พลัสที่สามารถเพิ่มความแข็งแรงของเซลล์เพชฌฆาต
(NaturalKiller
Cell)เป็นสถิติที่สูงที่สุดที่เคยมีการศึกษา
ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ (Transfer Factor)
คืออะไร ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ไม่ใช่วิตามิน เกลือแร่ สมุนไพร ยาสเตรียรอยด์ ฮอร์โมน
ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ เป็นโมเลกุลที่ถ่ายทอดภูมิคุ้มกัน (IMMUNE MESSENGERMOLECULES)
หรือภูมิคุ้มกันไอคิว สกัดจากนมข้นวัวและไข่แดง (BOVINECOLOSTRUM ANDEGG YOLK)
ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ (TransferFactor)1แคปซูลมีศักยภาพที่จะจับตัวเชื้อโรค ไวรัส
เชื้อราและพยาธิ แบคทีเรีย มากกว่า 100,000 ชนิด รวมทั้งเซลล์แปลกปลอมเช่น
ก้อนเนื้องอก และมะเร็ง กำลังของทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์(Transfer Factor) 1
แคปซูลมีค่าเท่ากับ นมเข้มข้น ( COLOSTRUM) 75 – 100 แคปซูล
ทรานสเฟอร์แฟกเตอร์อยู่ในรายการของ (PDR THYS CIAN’SDESK REFERENCE)
เป็นหนังสืออ้างอิงของแพทย์ในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ 50
ปีมาแล้ว
เพื่อเป็นการแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการตรวจสอบและพิสูจน์แล้วทรานสเฟอร์แฟกเตอร์(TransferFactor)มาถึงเราหลังจากมีการวิจัยโดยนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงมาแล้ว
50 ปี มีนักวิทยาศาสตร์มากกว่า 60 ประเทศทั่วโลกได้ศึกษา ทรานสเฟอร์แฟกเตอร์
(Transfer Factor) แล้วมีการใช้เงินศึกษาวิจัย ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์
(TransferFactor) 40 ล้านเหรียญดอลลาร์
มีรายงานทางวิทยาศาสตร์และทางการแพทย์มากกว่า 3,000 ชิ้นที่สนับสนุน
ทรานสเฟอร์แฟกเตอร์ (Transfer Factor) ซึ่งทรานสเฟอร์แฟคเตอร์ (Transfer
Factor)ไม่มีโทษ (ZERO TOXICITY)
เด็กและคนแก่รับประทานได้สามารถรับประทานได้ในขนาดสูง ๆ ถึง 2,000 เท่า
ไม่มีผลค้างเคียง สามารถรับประทานร่วมกับยาอื่นได้
บริษัท 4LIFE RESEARCH
เป็นผู้นำในวิวัฒนาการระบบภูมิคุ้มกันเทคนิคการสกัดและผลิตทรานสเฟอร์แฟก เตอร์
(Transfer Factor)
จากวัวและไข่ได้รับการจดลิขสิทธิ์แล้วเป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งเดียวที่ไม่
มีคู่แข่งในตลาดการค้า บริษัท 4LIFE RESEARCH ได้สร้างประวัติศาสตร์
ผลิตทรานสเฟอร์แฟกเตอร์ (Transfer Factor)ขึ้นเป็นอาหารเสริมทางโภชนาการ
ผลิตภัณฑ์ได้รับการรับรองเป็นแห่งแรกและเป็นครั้งแรกให้ใช้ในโรงพยาบาลในประ
เทศรัสเซีย กระทรวงสาธารณสุข รัสเซียได้รับรองในปี พ.ศ.
2547
หลังจากที่ทำการศึกษา ทดลองวิจัยมาแล้ว
ทรานสเฟอร์แฟกเตอร์ถูกขนานนามว่าเป็นโมเลกุลที่มหัศจรรย์ (MIRACLE MOLECULE)
จากวารสาร
WOODLANDHEALTHREPORTหนังสือรับรองจากสถาบันการแพทย์ประเทศรัสเชียกระทรวงสาธารณสุข
รัสเซีย (MINISERY OF HEALTH AND SOCIAL DEVEL OPMENT OF THE RUSSIAN FEDERATION)
ให้ใช้ทรานสเฟอร์แฟกเตอร์ (TransferFactor) ในการสร้างภูมิคุ้มกันป้องกันโรค
การติดต่อ การอักเสบและโรคทางกาย (TRANSFER FACTORS USE IN IMMUNO
REHABILITATIONAFTER INFECTIOUS INFLAMMATORY AND SOMATIC DISESES) ในปี
2547
การค้นพบทางวิทยาศาสตร์
ผลงานทางวิทยาศาสตร์
ระบบภูมิคุ้มกันสนับสนุนการทำงานทุกส่วนในร่างกายสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบป้องกันของคุณผลการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ขั้นต้นได้แนะนำว่า
4ไล้ฟ์ ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ ไตร-แฟกเตอร์ ฟอร์มูล่า
สามารถเพิ่มความแข็งแรงให้กับหน่วยป้องกันของระบบภูมิคุ้มกัน
ด้วยการเพิ่มจำนวนหน่วยคุ้มกัน อิมมูนโนโกลบูลินเอ
(IgA)
ผลการทดสอบของอิมมูนโนโกลบูลินเอ ( IgA)
จากการค้นคว้าเบื้องต้นในการศึกษาผู้ใหญ่ที่มีอายุ 21 และมีสุขภาพที่แข็งแรง
เราได้ให้ผู้เข้าร่วมทดสอบทำการบริโภค 4ไล้ฟ์ ทรานสเฟอร์แฟกเตอร์ ไตร- แฟกเตอร์
ฟอร์มูล่า เป็นเวลา 2 สัปดาห์ แล้วตามด้วยสูตร4ไล้ฟ์ ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ ริโอวิด้า
ไตร-แฟกเตอร์ ฟอร์มูล่า 100% ของผู้เข้าร่วมทดสอบ พบว่ามีการเพิ่มอัตราผลผลิตของ
IgA ในน้ำลาย โดยเฉลี่ย 73% หลังจากบริโภคผลิตภัณฑ์4ไล้ฟ์ ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์
เป็นเวลา 4 สัปดาห์
นี่คือภาพจำลองหน่วยย่อยๆที่แสดงให้เห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการเปรียบเทียบระหว่าง
2 ผลิตภัณฑ์
แอนติบอดี้ ไอจีเอ
แอนติบอดี้
IgAเป็นโมเลกุลเล็กๆที่เป็นด่านป้องกันด่านแรก
ซึ่งทำให้ตัวก่อให้เกิดโรคต่างๆที่เข้าสู่ร่างกายไม่สามารถเข้าไปได้
และยังมีเซลล์เพชฌฆาตที่ทำงานอยู่ในระบบภูมิคุ้มกัน มีหน้าที่โจมตี
หรือทำลายภัยคุกคามต่างๆที่มาในระบบร่างกาย การศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ของ 4ไล้ฟ์
ทรานสเฟอร์วิทยาขึ้นใหม่
ประโยชน์ของการเพิ่มขึ้นของแอนตี้บอดี้
(Antibody)
ในทศวรรษที่ผ่านมา
4ไล้ฟ์เป็นผู้บุกเบิกความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ สินค้าใหม่ กระบวนการต่างๆ
ที่ผ่านการจดสิทธิบัตรและ การศึกเพื่อพิสูจน์ประสิทธิผลของ 4ไล้ฟ์ ทรานสเฟอร์
แฟกเตอร์ ที่มีต่อการส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน การศึกษาที่สำคัญชิ้นหนึ่งทีใช้
4ไล้ฟ์ ทรานสเฟอร์แฟกเตอร์ ไตร แฟกเตอร์ ฟอร์มูลา (แอดวานซ์) และ 4ไล้ฟ์ ทรานสเฟอร์
แฟกเตอร์ พลัส ไตรแฟกเตอร์ ฟอร์มูล่า (พลัส แอดวานซ์)
ที่มีต่อการทำงานของซลล์เพชฌฆาต ( NK Cell)
ผลที่ได้แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของประสิทธิภาพของเซลล์เพชฌฆาต 283% และ 437%
ตามลำดับ ด้วยการรับประทาน 4ไล้ฟ์ ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์
ทุกวันจะเพิ่มจำนวนของหน่วยรักษาความปลอดภัย IgA ในร่างกาย
และช่วยเพิ่มความสามารถของคุณอย่างมากในการจัดการกับเชื้อโรค
เดวิด ลิซันบี ประธานบริษัท 4ไล้ฟ์
แผนกวิจัยและพัฒนาของ4ไล้ฟ์ และสมาชิกของคณะกรรมการที่ปรึกษาทางวิทยาศาสตร์
ดร.ริชาร์ด แบนเน็ต ได้ศึกษาผลของ 4ไล้ฟ์ ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ ที่มีต่อระดับของ IgA
( Immunoglobulin A) ภายในร่างกาย แอนตี้บอดี้ LgA ซึ่งถูกผลิตโดย B-Cell
เป็นโปรตีนที่มีความสำคัญและถูกนำไปใช้ในระบบภูมิคุ้มกันเพื่อแยกแยะและ
ทำลายสิ่งแปลกปลอม LgA มีอยู่บนพื้นผิวของเยื่อบุผิว ( mucous membranes) เช่น ปาก
จมูก ทางเดินอาหาร ทางเดินหายใจ ทางเดินปัสสาวะ
และทางเดินของระบบสืบพันธุ์และมีความสัมพันธ์อย่างชัดเจนกับสุขภาพของร่าง กาย
โมเลกุลรูปตัว Y เหล่านี้จะจับติดอยู่กับผู้บุกรุก
ป้องกันผู้บุกรุกด้วยการผูกติดและนำส่งผ่านตลอดแนวของเมือกไม่ให้ผู้บุกรุก
เข้าไปในเนื้อเยื้อและกระแสเลือดของร่างกายปรมาณ 95%
ของตัวการที่ทำให้เกิดโรคทั้งหมด(เชื้อโรค)
เข้าสู่ร่างกายโดยผ่านเยื่อบุผิวซึ่งเรียงเป็นแนวยาวของ ปาก จมูก ปอด ลำไส้
และอื่นๆ เชื้อโรคจากอากาศเข้าสู่ร่างกาย โดยผ่านผมหายใจ
อาหารที่คุณทานจากมือสู่ปาก
ทีนี้ขึ้นอยู่กับระบบภูมุ้มกันของคุณที่จะป้องกันคุณจากการโจมตี แอนตี้บอดี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งโมเลกุล IgA
ช่วยขจัดภัยคุกคามจากเยื่อบุผิวอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
เมื่อคุณเพิ่มการผลิตของ IgA
คุณได้จัดเตรียมสิ่งกีดขวางที่มีชีวิตในการป้องกันร่างกายขอ งคุณเอง
ลองคิดดูว่าโมเลกุล IgA
ในฐานะหน่วยรักษาความปลอดภัยกำลังลาดตระเวนอยู่บนเยื่อบุผิวของร่างกาย
เมื่อมันพบเจอกับผู้ร้าย (เชื้อโรค) IgA ก็จะจับเชื้อโรคและนำมันออกจากร่างกาย
เมื่อร่างกายคุณมีโมเลกุล IgA ที่มากขึ้นในการลาดตระเวนไปทั่วร่างกาย
ระบบภูมิคคุ้มกันของคุณจะมีความสามารถที่ดียิ่งขึ้นในการป้องกันตัว
การศึกษา
4ไล้ฟ์ ได้ทำการทดสอบกับผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดี 21
คนซึ่งไม่เคยรับประทานผลิตภัณฑ์ ทรานสเฟอร์แฟกเตอร์ เป็นการศึกษา 4 สัปดาห์ของ
4ไล้ฟ์ ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ และโมเลกุล IgA
วิธีการง่ายๆที่จะทดสอบความเข้มข้นของโมเลกุล IgA ที่มีอยู่ในน้ำลาย
4ไล้ฟ์ได้รวบรวมตัวอย่างน้ำลายจากผู้ทดสอบแต่ละคนทุกสัปดาห์ตลอดการทดลอง
เพื่อพิจารณาผลของ4ไล้ฟ์ ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ ที่มีต่อการผลิต IgA
ผู้ทดสอบแต่ละคนทาน4ไล้ฟ์ ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ ไตร แฟกเตอร์ ฟอร์มูล่า (แอดวานซ์)
ใน 2 สัปดาห์แก หลังจากนั้นทาน 4ไล้ฟ์ ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ริโอวิด้าไตร แฟกเตอร์
ฟอร์มูล่าในอีก 2 สัปดาห์ต่อมา
ผลการทดลอง
หลังจาก 4 สัปดาห์ 100%
ของผู้ทดสอบแสดงเห็นถึงการเพิ่มขึ้นของการผลิต IgA ในน้ำลายโดยเพ่มขึนเฉลี่ย 73%
เมื่อเปรียบเทียบกับพื้นฐาน 1 สัปดาห์ ยิ่งกว่านั้นผู้เข้าร่วมทดสอบส่วนใหญ่ ( 95%)
แสดงผลการเพิ่มขึ้นภายในเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น
ผลิตภัณฑ์ 4ไล้ฟ์ ทรานสเฟอร์ แฟกเตอร์ :
ผู้นำวิทยาศาสตร์การสื่อสารของระบบภูมิคุ้มกันความโดดเด่นของTransferFactor
Transfer Factor
เป็นโมเลกุลเล็กๆที่ทำงานด้านการสื่อสารต่างๆในระบบภูมิคุ้มกัน
ซึ่งจะถ่ายทอดความจำจากภูมิคุ้มกันที่ตัวหลักที่แข็งแรง
ไปสู่ภูมิคุ้มกันที่ขาดประสบการณ์ นอกจากนี้
ภูมิคุ้มกันตัวหลักยังสอนภูมิคุ้มกันอื่นๆในด้านการจำแนก การตอบสนอง
การจดจำได้ถึงภัยคุกคามต่างๆ
รวมมึงผลกระทบที่เกิดจากความเครียดอีกด้วย4LifeTransfer Factor
เป็นผลิตภัณฑ์ที่โด่ดเด่น เจ้าเดียวในโลกไม่สามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์มาทดแทนได้
และเป็นที่ต้องการของทุกคนในยุค 2000 ความสำเร็จ และความโด่ดเด่นของ 4Life Transfer
Factor คือ
Patented = 4life Transfer Factor
เป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นลิขสิทธิ์ ของบริษัท 4Life Research
ที่เป็นหนึ่งเดียวในโลกและไม่มีคู่แข่ง
Unique = 4life Transfer Factor
เป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่สามารหาผลิตภัณฑ์ตัวอื่นมาทดแทนได้
Safe= 4life Transfer Factor
เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัย เนื่องจากได้วิจัยในกลุ่มอาสาสมัคร
เพื่อพยายามที่จะกระตุ้นปฏิกิริยาและการตอบสนองที่อาจเป็นผลร้ายต่อร่างกาย
และการทดลองในครั้งนี้ไม่ได้บ่งชี้ให้เห็นถึงผลกระทบด้านลบกับอาสาสมัคร
ถึงแม้ว่าจะได้บริโภค transfer Factor
เป็นจำนวนมากก็ตาม
ผลของการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ริโอวิด้า
ต่อภาวะออกซิเดทีฟสเตรทและอินเตอร์ลิวคินทูในอาสาสมัครเพศชาย
ดร.ดลรวี ลีลารุ่งระยับ
งานวิจัยนี้ ได้ผ่านการคณะกรรมการจริยธรรมมนุษย์
คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม
2552
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์ของการศึกษาครั้งนี้
เพื่อศึกษาประสิทธิผลของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิด Riovida
ต่อภาวะออกซิเดทีฟสเตรทและอินเตอร์ลิวคิน-ทู ในอาสาสมัครเพศชาย
โดยทำการศึกษาในอาสาสมัครเพศชายอายุเฉลี่ย 18.5+1.5 ปี ทำการศึกษาเป็นระยะเวลา 22
วัน แบ่งออกเป็นช่วงควบคุมเป็นเวลา 1 สัปดาห์ และช่วงศึกษาที่ได้รับประทาน
ริโอวิด้าเป็นเวลา 14 วัน ทำการเจาะเลือดเป็นจำนวน 3 ครั้งคือ ในช่วงควบคุม 2
ครั้งและในช่วงศึกษา 1 ครั้ง
ในแต่ละครั้งได้ทำการเจาะเลือดหลังจากทีให้อาสาสมัครวิ่งจนกระทั่งเหนื่อย
จากนั้นนำเลือดมาตรวจวัดตัวแปรภาวะออกซิเดทีฟสเตรทได้แก่ มาลอนไดออลดีไฮด์
ไนตริกออกไซต์
ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระโดยรวมและปริมาณของอินเตอร์ลิวคิน-ทู
ผลการศึกษาพบว่าในช่วงควบคุมปริมาณของมาลอนไดออลดีไฮด์
และไนตริกออกไซต์มีค่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
และฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระโดยรวมและปริมาณของอินเตอร์ลิวคิน-ทูมีค่าลดลงอย่าง
มีนัยสำคัญ เมื่อได้รับประทานริโอวิด้าเป็นระยะเวลา 14
วันอย่างต่อเนื่องพบว่าปริมาณมาลอนไดออลดีไฮด์และไนตริกออกไซต์
มีค่าเพิ่มขึ้นแต่น้อยกว่าในช่วงควบคุม
แต่ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระโดยรวมและปริมาณของอินเตอร์ลิวคิน-ทู
กลับมีค่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญสรุปผลการศึกษา แสดงให้เห็นว่า ริโอวิด้า
สามารถช่วยลดภาวะออกซิเทีฟเสตรทและเพิ่มปริมาณของอินเตอร์ลิวคิน-ทู
ในร่างกายคนได้
Abstract
……Thepurpose of this study was to evaluate the
effects of Riovida supplementation onblood oxidative stress and Interleukin-2
level in healthy men. Twenty men (aged 18.5 , 1.5 years) participated in this 22
day study. Control period was carriedout for the first 7 days. Supplementation
with 60 ml of Riovida was thenadministered daily for 14 days. Blood samples were
collected at rest and afterexercise until exhaustion on treadmill of both
control period (days 1 and 7 ofthe control period) and after 12 days of
supplementation (day 22). malondialdehyde (MDA), nitric oxide (NOx), total
equivalent antioxidant capacity (TEAC), and interleukin-2 (IL-2) were
evaluated.
Results showed that over the course ofthe 7
day control period, MDA and NOx increased, whereas TEAC and IL-2
decreasedcompared to resting levels significantly. After supplementation for 2
wks,levels of MDA and NO increased less than in control period, Moreover, TEAC
andIL-2 were increased significantly.
This study can be concluded thatfourteen days
of Riodiva supplementation protected the oxidative stress, as wellas to improved
pro-inflammatory IL-2 levels in human men.
Effective
=4life Transfer Factor
เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพสูง และสามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น